หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไสยศาสตร์อิสลาม ไสยเวทมุสลิม คุณไสยอิสลาม



   ไสยศาสตร์อิสลาม! ใครว่าไสยศาสตร์เป็นเรื่องต้องห้ามในอิสลาม แต่มุสลิมหลายคนกล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับอิสลาม

ไสยศาสตร์ลึกลับ..เรื่องน่ารู้ที่ไม่ควรมองข้าม



   คำว่า ไสย หมายถึง ลัทธิอันเนื่องด้วยเวทย์มนต์ คาถา และวิทยาคม ไสยนั้นแบ่งออกเป็น

   ไสยขาว อันหมายถึงวิชชาอันลึกลับใช้เวทย์มนต์ไปในทางที่ดี เช่นการทำเครื่องราง ของขลังและวัตถุมงคลต่างๆ เพื่อป้องกันภัยอันตราย หรือเพื่อเป็นเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์และอิทธิวิธี

   ส่วนไสยดำ หมายถึงวิชชาที่กระทำคนให้เป็นไปต่างๆนาๆเช่น ปล่อยคุณไสย ปล่อยตะปูเข้าท้องคนอื่น ปล่อยหนังควายเข้าท้อง บิดลำใส้ ปล่อยผีไปทำร้ายผู้อื่นให้มีอันเป็นไปต่างๆนาๆ นำบาตรวัดร้างไปฝังเพื่อทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด เป็นต้น

   คำว่า"ไสย"นี้แปลความหมายอีกอย่างก็หมายถึงสิ่งที่ลึกลับที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อได้นอกจากเมื่อมันได้ออกมาเป็นผลลับแล้วเท่านั้น

   ส่วนคำว่า"ศาสตร์"หมายถึง ตำรา วิชา วิทยา คำสั่ง ข้อบังคับบัญชา ศาสนา รวมเข้ากับไสย เป็น"ไสยศาสตร์"อันหมายถึง ตำราทางไสยยาศาสตร์ลึกลับเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาร เวทย์มนต์ คาถา อำนาจจิต เป็นต้น

   "ไสยเวทย์ ไสยศาสตร์"หมายถึงตำราทางไสย วิชาทางไสย ไสยศาสตร์ เป็นวิชาว่าด้วยลัทธิเวทย์มนต์คาถาและวิยาคมเป็นศาสตร์ๆหนึ่งที่แยกย่อยมาจากศาสตร์ 18 ประการของอินเดียโบราณ

   ไสยศาสตร์แทรกอยู่ในความเชื่อของคนไทยมาตราบนานเท่านานกว่า ๗,๐๐๐ ปี และแทรกอยู่กับความเป็นอยู่ของคนไทยตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย เช่นการเสกทำน้ำมนต์ให้คลอดง่าย โกนผมไฟ ทำขวัญ สร้างบ้านใหม่ ขึ้นบ้านใหม่ ทำขวัญ สวดบ้าน ตราสังข์ ทำโลงศพ เอาศพลงจากเรือน ทำประตูป่า ทำบันไดผี นำศพขึ้น เผา การเสกน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ และประเพณีไทยหลายๆอย่างล้วนแต่แทรกด้วยไสยศาสตร์ทั้งสิ้น ไม่ว่าวิทยาศาสตร์จะเจริญไปถึงไหนเพียงใดวิทยาการอินฟอเมชั่นเทคโนโลยี่จะก้าวหน้าไปเพียงใดขนาดไหน แต่ความเชื่อทางไสยศาสตร์ไม่มีวันที่จะหมดไปจากมนุษย์ชาติได้เหตุผลเพราะว่าเป็นศาสตร์ๆหนึ่งที่ดำรงอยู่ในโลกมนุษย์มานาน มากแล้วและมิใช่เพียงแต่เมืองไทยเท่านั้นที่มีความเชื่อในด้านไสยศาสตร์หลายๆประเทศที่เจริญและพัฒนาแล้วก็ยังมีความเชื่อในด้านไสยศาสตร์ของประเทศนั้นนั้นอยู่

   ส่วนพิธีกรรมไสยกรรมนั้นอาจไม่เหมือนกัน ในเมืองไทยในแต่ละภาคนั้นการประกอบพิธีกรรมต่างๆในแต่ละภาคนั้นก็ไม่เหมือนกัน สรุปแล้วไสยศาสตร์และไสยเวทย์มิใช่สิ่งที่ เลวร้ายขึ้นอยู่กับผู้ที่นำไปใช้เช่นการสกยันต์หากสักแล้วไม่ไปเป็นโจรผู้ร้ายไม่ไปปลิ้นชิงรบราฆ่าฟันเบียดเบียนเขาและตั้งตนอยู่ในศีลธรรมของนั้นก็จะคงทนถาวรไม่เสื่อม และยิ่งเข้มขลังยิ่งนัก และเป็นไสยศาสตร์ที่ประดับบารมีชายชาตรีมาแต่โบราณกาล ดังหลักฐานบันทึก .ความทรงจำ.พระนิพนธ์ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า....

   โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

ที่มา: www.amulet.in.th

จำแนกประเภทของผู้เรียนไสยศาสตร์


   การเรียนไสยศาสตร์ให้สัมฤทธิ์ผลนั้น เป็นเรื่องของการฝึกจิตให้เกิดสมาธิผนวกกับอำนาจของแรงครูและศรัทธาของตัว ผู้เรียนเอง ตามหลักการแล้วเราสามารถจำแนกประเภทของผู้เรียนไสยศาสตร์ ได้สามประเภท ซึ่งจะเกิดสัมฤทธิ์ผลได้สองประเภทตามนี้

   ประเภทที่ 1 เรียกว่าพวกโง่ที่สุด คือมีการศึกษาวิชาไสยศาสตร์น้อย แต่มีศรัทธาสูง มีจิตมั่นในไสยเวท อาจารย์สั่งอะไรก็เชื่อตามนั้น ไม่ลังเลสงสัย สามารถเสกคาถาอาคมให้เกิดผลสำเร็จตามปราถนาได้ แสดงฤทธิ์ได้ จะยกตัวอย่างให้เข้าใจชัดเจนตามนี้  เกี่ยวกับ คำบริกรรมว่า "นะ โม พุท ธา แยะ"  มีพระรูปหนึ่งเรียนกรรมฐานจากพระอาจารย์ท่านหนึ่ง โดยให้บริกรรมว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" แต่พระรูปนั้น ท่านจำผิดว่า "นะ โม พุท ธา แยะ" เมื่อท่านเข้าไปบำเพ็ญเพียรในป่า ด้วยคาถา “นะ โม พุท ธา แยะ” นี้ ท่านสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆ ได้ สามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคำบริกรรมที่ผิด แต่เพราะความศรัทธาและมั่นใจในตัวคาถาตลอดจนครูบาอาจารย์ จึงทำให้ท่านไม่มีความลังเลสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างจึงสัมฤทธิ์ผล

   จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคณะพระภิกษุเข้าไปธุดงค์ในป่า ไปพบภิกษุรูปนี้เข้า ท่านเองจึงเนรมิตสิ่งต่างๆ ถวาย ด้วยฤทธิ์ที่เกิดจากการบริกรรมพระคาถา "นะ โม พุท ธา แยะ" นี้เอง เพื่อเป็นการต้อนรับ ทำให้คณะพระธุดงค์เกิดความเลื่อมใส จึงถามว่า ท่านบริกรรมคาถาอะไรถึงได้เก่งขนาดนี้ พระองค์นี้จึงตอบว่า “นะ โม พุท ธา แยะ” คณะพระธุดงค์ถึงกับตกใจ และตอบไปว่า ท่านท่องคาถามาผิดแล้วนะ อันที่จริงต้องท่องว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” ต่างหาก พระรูปนี้ถึงกับจิตตกที่ตนท่องผิด เมื่อจิตมีความเศร้าหมอง การแสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ จึงไม่เป็นผล ท่านเกิดความร้อนใจ จึงรีบออกจากป่าไปหาพระอาจารย์ที่เคยเรียนวิชามา เมื่อไปถึง ท่านจึงถามพระอาจารย์ว่า ผมท่องคำบริกรรมผิดหรือครับ ด้วยความฉลาดของพระอาจารย์ ท่านรู้ว่าถ้าตอบตรงๆ จะทำให้เสียหายใหญ่ จึงตอบว่า ที่ว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” นั้น เป็นตัวผู้ ที่ว่า “นะ โม พุท ธา แยะ” นั้น เป็นตัวเมีย จะใช้อย่างไหนก็ได้เหมือนกัน ที่ตอบอย่างนี้ก็เป็นการรักษากำลังใจไม่ให้จิตตก เมื่อพระลูกศิษย์ได้รับคำตอบแล้ว รู้สึกดีใจ จึงรีบกลับเข้าไปในป่าอีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อท่านเข้าใจว่าคำบริกรรมทั้งสองนั้นไม่ผิด จิตของท่านจึงไม่มีความกังวลใดๆ ความผ่องใสแห่งจิตจึงเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ไม่ว่าจะบริกรรมด้วยคาถาใดก็ตาม สามารถแสดงฤทธิ์ได้ทั้งนั้น ดังนั้น ความศรัทธาสูงและมั่นในพระคาถา จึงมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้เรียน

   ประเภทที่ 2 เรียกว่าพวก เชื่อครึ่งๆ กลางๆ มีความลังเลสงสัยมาก กล่าวคือมีการศึกษามาก ทำให้ลังเลสงสัยในเรื่องจิตและวิชาไสยศาสตร์ กังวลว่าเสกแบบนี้แล้วจะเป็นไปตามคำสั่งอาจารย์จริงหรือเปล่า หรือเรียนวิชามาหลายแห่งแต่ข้อมูลที่ได้มาไม่เหมือนกัน เช่นเรียนวิชาเดียวกันแต่วิธีการต่างกัน ทำให้เกิดสงสัยในตัววิชา ส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลง และทำให้อำนาจจิตลดลงด้วยเช่นกัน  คนประเภทนี้จึงเรียนให้สัมฤทธิ์ผลได้ยาก นอกจากจะพัฒนามาเป็นประเภทที่ 3

    ประเภทที่ 3 เรียกว่าพวกฉลาดที่สุด พวกนี้มีความเข้าใจเรื่องจิต เรื่องคุณพระ รักพระพุทธเจ้า รักครูบาอาจารย์จริงๆ เข้าถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า รู้ที่มาของอักขระตัวคาถา ว่ามาจากไหน เหตุใดตัวคาถาไม่กี่ตัว จึงมีอิทธิปาฏิหาริย์มากนัก เข้าถึงความมหัศจรรย์แห่งจิต สามารถสัมผัสพลังคุณพระได้ จิตจึงไม่มีความลังเลสงสัย เพราะได้ทำการค้นคว้าหาเหตุผลอยู่ตลอดเวลาจนเข้าใจ และเข้าถึงคุณพระ สามารถเสกคาถาอาคมให้เกิดผลสำเร็จตามปราถนาได้ แสดงฤทธิ์ได้เหนือล้ำกว่าประเภทแรก และมีความพิศดารมากกว่า

ที่มา: www.amulet.in.th

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความเข้าใจผิดในวิชาไสยศาสตร์ ที่คนทั่วไปไม่รู้



   เหตุที่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะสมัยนี้คนไม่เข้าใจวิชาไสยศาสตร์ โดยเฉพาะไสยศาสตร์ด้านเสน่ห์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นศาสตร์ลามก ที่จริงแล้วผู้ปฎิบัตินั้่นแหละลามก ตัววิชาไม่ได้ลามกเสื่อมเสียเลย เพราะคนทั้งหลายไม่รู้และเข้าใจในวิชาต่างๆเหล่านี้ จึงต้องเสียตัวเสียเงินให้กับหมอเสน่ห์ ที่ไม่มีคุณธรรมเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ทั้งลือกันไปต่างๆ นานา ว่าถ้าฝึกวิชาไสยศาสตร์มากๆ แล้วจะเป็นบ้าบ้าง ร้อนวิชาบ้าง เป็นเหตุให้คนทั้งโลกประณามวิชาไสยศาสตร์ว่าเป็น"เดรัจฉานวิชา"

ทั้งที่จริงๆแล้ว"เดรัจฉาน"แปลว่า"ขวาง"

   "เดรัจฉานวิชา"จึงแปลว่าวิชาที่ขวางทางไปพระนิพพาน กล่าวถึงที่สุดคือเรียกว่า"อวิชชา"คือความไม่รู้ ทั้งที่จริงๆ แล้ววิชาที่ไม่เป็นเดรัจฉานวิชานั้นมีเพียงวิชา สมถะกรรมฐานและวิชาวิปัสสนากรรมฐาน เพียงสองวิชาเท่านั้น ที่จะทำให้สัตว์โลกไม่ติดกับกิเลส ไม่ติดในกองทุกข์ และไม่ติดอยู่ในโลก

   ส่วนวิชาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วิชาคณิตศาสตร์ การเงิน การบัญชี วิทยาศาสตร์ กราฟฟิคดีไซด์ การทหาร ศิลปะศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้สัตว์ติดอยู่ในโลก ต้องคอยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน หลงติดอยู่ในอำนาจ คอยแต่จะประหัตประหารกัน ทำร้ายซึ่งกันและกัน ข่มเหงรังแกมนุษย์ด้วยกันตลอดจนถึงสัตว์โลกชนิดอื่นๆ ก็ถูกมนุษย์รังแกอย่าง แสนสาหัส ซึ่งวิชาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเดรัจฉานวิชาทั้งสิ้น เป็นอวิชชาทั้งหมด เพราะทำให้สัตว์ติดอยู่ในโลกติดอยู่ในสงสาร วนเวียนแบบนี้เรื่อยไปนับเป็นกัปล์ เป็นอสงค์ไขย มนุษย์ทั้งหลายก็ยังคงสรรเสริญความรู้เหล่านี้ว่าดีเลิศประเสริฐศรี ปล่อยให้กิเลสมันหลอกอยู่อย่างนี้มาตลอด วิชาไสยศาสตร์เสียอีกที่ชักนำให้ต้องฝึกสมาธิ ใช้สมถะกรรมฐานเป็นบาทฐานแห่งพลังจิต เหมือนหลอกเด็กว่าจะให้กินขนม แต่ต้องกินยาเสียก่อน คือต้องฝึกสมาธิก่อนแล้วค่อยใช้คาถาอาคมจึงจะได้ผล ต้องทำจิตให้เข้าถึงคุณพระเสียก่อนจึงจะสามารถดึงแรงครูมาใช้ให้เกิดฤทธิ์ได้ สอนให้ศิษย์เจริญอานาปานสติภาวนามัยอยู่เสมอ ระลึกถึงคุณพระเสมอ จิตของศิษย์ก็จะอ่อนน้อมเข้าสู่กระแสธรรมเองโดยอัตโนมัติ และยิ่งมีกำลังสมาธิสูงมากเท่าไหร่ คุณธรรมในใจที่เพาะบ่มในใจก็จะเติบโตขึ้นมาเท่านั้น จนท้ายที่สุดก็จะละวางวิชาไสยศาสตร์ลงไปเองโดยปริยาย และจะฝึกเพื่อละวางกิเลสโดยตรงอย่างเดียว เท่าที่เห็นครูบาอาจารย์ทางไสยศาสตร์หลายๆท่านก็จะเป็นไปตามนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ อ.ชุม ไชยคีรี,อ.ฟ้อน ดีสว่าง,อ.เทพย์ สาริกบุตร,หลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท ฯลฯ เพราะว่าพระนิพพานเป็นปลายทางของทุกคน

ที่มา: www.amulet.in.th

วันเกิดกับสัมผัสที่ ๖


   ทำนาย วันเกิด กับ สัมผัสที่ ๖ สงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงเห็นผี และเห็นบ่อยซะด้วย แต่บางคนก็ไม่เคยแม้แต่จะเจอ ลบหลู่ขนาดไหนก็ไม่เจอ ลองอ่าน นี่แล้วอาจจะเข้าใจมากขึ้น
•เกิดวันอาทิตย์•
   ช่วงไหนที่คุณเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือไม่ก็อ่อนแอทางจิตใจ ให้หลีกเลี่ยงที่จะใกล้ชิดกับผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง เพราะพลัง อะไรบางอย่างที่ลึกลับ อาจจะทำให้คุณเห็นผี หรือ วิญญาณ ได้
•เกิดวันจันทร์•
   สำหรับคุณแล้ว จะส่องกระจกน่ะส่องได้ แต่อย่าส่องหลังเวลาเที่ยงคืนถึงเช้า โดยเฉพาะในกระจกร้าว และถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ หรือเสียงเรียกเวลาค่ำคืน อย่าพูดทัก หรือขานตอบ เพราะนั่นอาจจะเป็นเสียงที่ทวงถามวิญญาณของคุณก็ได้
•เกิดวันอังคาร•
   คนเกิดวันอังคารลำบากกว่าคนเกิดวันอื่นเสียแล้ว เพราะคุณไม่ควรเข้าห้องน้ำนอกบ้าน ถ้าไม่มีธุระ คุณควรจะอยู่ให้ห่างจากห้องน้ำที่ไม่น่าไว้ใจเอาไว้ เพราะอาจมีบางอย่างแอบติดตามคุณออกมา หรือปรากฏให้คุณเห็น
•เกิดวันพุธ•
   คุณไม่ควรไปงานศพ เพราะอาจจะมีวิญญาณติดตามตัวคุณกลับออกมา แต่ถ้าหากว่าเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่กลับมาจากงานศพแล้ว
ให้รีบอาบน้ำก่อนเที่ยงคืน และถ้าจะให้ดีน้ำที่อาบควรเป็นน้ำว่าน
•เกิดวันพฤหัส•
   ในยามวิกาล มืดๆ อย่ามองไปที่หัวบันได เพราะคุณอาจจะมีอะไรบางอย่างปรากฏให้คุณเห็นที่ตรงนั้น หากว่าได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายๆ กับเรียกชื่อคุณ อย่าขานตอบ ให้ก้าวเท้าถอยหลัง ๑ ก้าว แล้วเสียงนั้นจะหายไป
•เกิดวันศุกร์•
   เคยได้ยินหรือเปล่าว่าธาตุน้ำ อาจจะเป็นเหมือนประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ กับ โลกวิญญาณ ดังนั้น คนที่เกิดวันศุกร์อย่างคุณควรหลีกเลี่ยงการเดินทางทางน้ำ
•เกิดวันเสาร์•
   ศาลพระภูมิ คือ สิ่งต้องห้ามสำหรับคนเกิ ดวันเสาร์ ไหว้ เคารพได้ แต่อย่ามองจ้อง หากได้ยินเสียงหมาเห่า หอน เกรียวกราวใกล้ๆ ตัว นั่นอาจแปลได้ว่าคุณกำลังโดนติดตามโดยภูตผี วิญญาณ
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจาราณญาณในการอ่าน

ที่มาบทความจาก www.cityvariety.com

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

รวม E-Book หายากน่าอ่าน ศาสตร์โบราณและตำนานต่างๆ











๖๐ ความเชื่อของคนโบราณ



๑.) ห้ามใส่ชุดสีดำเยี่ยมคนป่วย เพราะสีดำเป็นสีที่คนโบราณถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์โศก การใส่ชุดดำไปเยี่ยมผู้ป่วยนั้นเป็นการแช่งให้ผู้ป่วยตายเร็วขึ้น

๒.) จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด โดยถ้าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะให้เลื่อนการเดินทางแต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้าหรือซ้าย ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นสะดวกสบาย

๓.) ตุ๊กแกร้องตอนกลางวัน เชื่อว่าจะมีเหตุร้ายเพราะตามปกติแล้วตุ๊กแกที่อาศัยในบ้านมักจะร้องตอนกลางคืน ถ้าร้องตอนกลางวันถือเป็นลางบอกเหตุร้าย เนื่องจากคนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้วมาอาศัยอยู่ คอยคุ้มครองลูกหลานจากภัยอันตราย

๔.) นกแสกเกาะหลังคาบ้าน จะเกิดลางร้าย เพราะนกแสกเป็นนกที่ถือว่าให้ความอัปมงคล เนื่องจากโดยธรรมชาตินกแสกมักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคน

๕.) ถ้านกถ่ายรดบนศรีษะ เชื่อว่าจะโชคร้าย หากกำลังจะออกเดินทางแล้วถูกนกถ่ายรดที่ศรีษะซะก่อน ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนดออกไปเป็นวันรุ่งขึ้น

๖.) เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ไม่ให้ไล่

๗.) กลางคืนถ้าได้ยินเสียงร้องทักห้ามขานรับ เพราะเชื่อว่าเป็นเสียงของดวงวิญญาณอาจจะมาหลอนมาหลอกหรือเป็นการเชิญวิญญาณเข้าบ้าน

๘.) คนที่มีไฝที่ริมฝีปากล่าง ให้ระวังปากนำเคราะห์ เพราะพูดไม่คิด และมักเป็นคนใจร้อน อารมณ์รุนแรงขาดเหตุผลในการยับยั้งชั่งใจ

๙.) คนใดที่มีลักษณะผมหยิกๆ หน้าสั้นคอสั้น มักจะเจ้าชู้ (แต่เป็นความเชื่อขำๆนะ อันนี้ต้องคิดว่าต้องดูต่อจากภายในหัวใจ)

๑๐.) คนใบหูใหญ่มักร่ำรวยและมีบุญวาสนา คนใบหูหนาเป็นคนมีศีลธรรมคนใบหูบางเป็นคนโดดเดี่ยว ไร้บุญวาสนา

๑๑.) คนที่พูดจาหลายเสียงในการพูดคุยครั้งเดียวกันเป็นคนคบยาก เพราะหาความแน่นอนอะไรไม่ได้

๑๒.) คนหัวล้านมักจะเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ ซึ่งได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดี ทำให้คนโบราณเชื่อว่า คนลักษณะแบบนี้จะมีนิสัยเหมือนขุนช้าง

๑๓.) เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปาน คนโบราณเชื่อว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง (ชาติที่แล้ว) และถูกป้ายด้วยของตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดงหมายถึงถูกป้ายด้วยปูนแดง และหากเป็นปานดำหมายถึงถูกป้ายด้วยถ่าน

๑๔.) ห้ามปลูกต้นไม้ที่วัดปลูกมาแล้ว (เช่น ไปเอาต้นไม้ที่อยู่ในวัดมาปลูกที่บ้าน) เพราะเชื่อกันว่า ต้นไม้ที่ขึ้นตามวัดหรือนำไปปลูกที่วัดเป็นของสูงและสมควรอยู่ในวัด หากนำมาปลูกที่บ้านจะทำให้บ้านนั้นตกอับ

๑๕.) ห้ามตัดผมวันพุธ เพราะเชื่อว่าการตัดผมวันพุธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิต เพราะอย่างนี้ ร้านตัดผมหลายร้านมักจะนิยมหยุดทำการในวันพุธ

๑๖.) หากตาซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวัง ถ้าตาขวากระตุกถือว่าโชคดี แต่ถ้าเป็นในช่วงกลางคืน ตาขวากระตุกจะไม่ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ถ้าหากเป็นตาซ้ายกระตุกจะมีโชคลาภจากเพื่อน

๑๗.) หากสัตว์ป่าเข้าบ้านเชื่อว่าจะนำความอัปมงคลมาให้ ควรจุดธูปเทียน ดอกไม้และเชิญให้ออกจากบ้าน พร้อมกับขอพรให้นำพาสิ่งดีงามมาให้

๑๘.) ห้ามเผาศพวันศุกร์ เพราะคนโบราณถือว่าการเผาศพในวันศุกร์จะให้ทุกข์กับคนเป็นญาติ เนื่องจากวันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภ เหมาะกับงานมงคลมากกว่า

๑๙.) ในขณะที่กำลังสางผม หากหวีเกิดหักคาผม จะเกิดเรื่องไม่ดีตามมา ให้นำหวีนั้นทิ้งไปเลย (ซื้อมาเป็นพันเป็นหมื่นก็อย่าเสียดาย) ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อมมาใช้ใหม่

๒๐.) ตอนกลางคืนถ้าได้กลิ่นธูปลอยมา คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา

๒๑.) ผึ้งทำรังในบ้าน เชื่อว่ามีโชค อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เกิดความหายนะ เพราะผึ้งเป็นแมลงนำโชคที่ขยันการทำงาน

๒๒.) การปลูกต้นว่านชี้ชะตาได้ โดยถ้าต้นว่านเจริญงอกงาม ทำนายว่าการค้าจะงอกงาม แต่ถ้าต้นว่านแห้งเ่ยว ทำนายว่าการค้าจะไปไม่รอด

๒๓.) ก่อนออกจากบ้านให้ตั้งสติและก้าวเท้าขวาออกก่อนเท้าซ้าย จะนำโชคดีมาให้ เพราะเชื่อว่าร่างกายมนุษย์เป็นพลังงานลบที่อ่อนแอกว่าด้านขวา

๒๔.) หากนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่ และเกิดมือชนกันขณะเอื้อมไปตักกับข้าว เชื่อกันว่าจะมีแขกมาเยือนให้เตรียมตัวต้อนรับ

๒๕.) อย่าเคาะจานข้าว เพราะเชื่อว่าจะเป็นการเรียกวิญญาณที่พเนจร เมื่อได้ยินเสียงเราเคาะจาน ก็จะพากันมาแย่งเรากินข้าว (บางคนกินข้าวจะรู้สึกว่ากินไม่อิ่ม)

๒๖.) กลางคืนห้ามกวาดบ้าน เพราะเชื่อว่าจะเป็นการกวาดเงินกวาดทองที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเช้าออกไปหมดซึ่งอาจเป็นได้ว่าเมื่อก่อนไม่มีไฟฟ้าตอนกลางคืนมืดมาก การกวาดบ้านตอนกลางคืนจึงไม่ปลอดภัย

๒๗.) ไม่ควรมีรูปภาพหรือรูปปั้นยักษ์ประดับตกแต่งบ้าน เพราะจะทำให้คนในบ้านทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยและทำให้มีแต่เรื่องเดือดร้อน

๒๘.) อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับห้องน้ำ เพราะจะทำให้โชคลาภหนีหาย และอย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้าย

๒๙.) การแบ่งอาหารและน้ำให้แก่สุนัขหรือแมวจรจัดที่หิวโหย หรือการให้ที่พักพิงแก่สัตว์เหล่านี้ในวันฝนตกเป็นอานิสงส์มหาศาล

๓๐.) อย่าปล่อยให้ครัวสกปรก เพราะจะทำให้อับโชค ขาดเงิน ขาดทอง

๓๑.) อย่าให้ของขวัญคนรักหรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี หากมอบให้แล้วจะถือว่าเป็นลางต้องจากกันหรือมีเรื่องทะเลาะกัน

๓๒.) ถ้าปล่อยให้กระจกในบ้านขุ่นมัว จะทำให้ดวงชะตาของคนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรก็ไม่ขึ้น จึงต้องหมั่นเช็ดกระจกสม่ำเสมอ

๓๓.) วันโกน วันพระวันเกิด และวันเข้าพรรษา ควรงดมีเพศสัมพันธ์ เพราะถือว่าเป็นวันบิรสุทธิ์ (คนที่อยู่ในวัยเรียนอย่าแม้แต่จะคิด)

๓๔.) หากเดินไปเจอเหรียญตกให้เก็บเป็นเหรียญนำโชค หากมองผ่านเลยไป จะเหมือนเป็นการดูถูกเงินน้อย ทำให้อับโชคในช่วงเวลานั้นๆ

๓๕.) การสวมแหวนนิ้วกลางข้างขวา ถือเป็นการเสริมดวงการเงินและบารมี ส่วนการสวมแหวนนิ้วนางหรือนิ้วก้อยถือเป็นการเสริมเสน่ห์และเสริมดวงความรัก

๓๖.) ห้ามสาวโสดร้องเพลงในครัว เพราะจะทำให้มีแฟนเป็นคนแก่ หรือหาแฟนไม่ได้ แต่ถ้าตำครกเสียงดัง จะมีหนุ่มมาสู่ขอ

๓๗.) การทำบุณโลงศพอนาถาที่ไร้ญาติ จะเสริมชะตาของเราให้กล้าแข็ง ทำให้ทุกข์และเคราะห์เบาบางลงไปได้

๓๘.) ควรหมั่นดูแลหิ้งพระให้สะอาดสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการทำให้เกิดความอับโชคหรือเสื่อมลาภ เสื่อมยศได้

๓๙.) ในบ้านควรมีไข่และส้มในตะกร้าเสมอ เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุขเข้าบ้าน

๔๐.) ห้ามหญิงมีครรภ์ไปงานศพ เพราะเกรงว่าวิญญาณจะสามารถเข้าไปรบกวนทารกในครรภ์ ทำให้เกิดอันตรายได้

๔๑.) ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตกจะทำให้นอนฝันร้าย ตื่นขึ้นมาไม่สดชื่น

๔๒.) ถ้าสร้อยคอขาดออกจากคอหรือหลุดออกมา จะมีเหตุให้พบเรื่องร้าย

๔๓.) ห้ามทักเด็กแรกเกิดที่ยังเล็กว่าน่ารัก เพราะอาจทำให้วิญญาณอิจฉา ลักพาตัวไป

๔๔.) ห้ามตัดเล็บกลางคืน วิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะสมัยก่อนการตัดเล็บจะใช้มีดเจียนหมาก หรือมีดเล็กๆ จึงห้ามตัดเล็บในเวลากลางคืน เพราะอาจะเป็นอันตราย

๔๕.) จะก้าวขึ้นหรือลงบันได ให้ก้าวทีละก้าวทีละขั้น อย่าก้าวทีเดียวสามชั้น จะทำให้ทำมาหากินไม่สำเร็จ เหมือนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ให้ค่อนเป็นค่อยไป อย่าทำอะไรที่ให้เกินความสามารถ หรือข้ามขั้นตอน

๔๖.) ห้ามหญิงท้องไปดูคนคลอดลูกจะทำให้คลอดลูกยาก เพราะหากหญิงมีครรภ์ไปดูคนอื่นคลอดลูกแล้วเห็นภาพอาการเจ็บปวดของการคลอดอาจจะทำให้กลัวและเกิดอาการเสียขวัญ

๔๗.) โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกเงา หรือบางกระจกเงาทั้งหลาย ไม่ควรนำมาวางตั้งให้ตรงกับปลายเตียงหัวเยงหรือเหนือเพดาน เพราะจะทำให้หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องเพศ นอนหลับไม่สนิท และมักฝันร้ายอยู่บ่อยๆ

๔๘.) ฝนตั้งเค้า ให้ปักตะไคร้คว่ำลงดินกลางที่โล่งแจ้ง จะทำให้ฝนหยุดตก

๔๙.)อย่าลูบศรีษะของเด็ก โดยเฉพาะเด็กไทย เพราะศีรษะถือเป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรให้ใครลูบเล่น

๕๐.) ฝันว่างูรัด ทำนายว่าคนโสดจะได้พบเนื้อคู่เร็วๆนี้ฝันว่างูกัดทำนายว่าศัตรูเพศตรงข้ามจะคิดร้ายหรือได้รับเคราะห์จะเพื่อนบ้าน

๕๑.) ฝันเห็นคนตายหรือศพ ทำนายว่าจะได้ลาภจากเสี่ยงโชค

๕๒.) ฝันว่าฟันหักทำนายว่าจะสูญเสีย โดยถ้าฝันว่าฟันบนหัก ทำนายว่า จะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างฝ่ายบิดา ถ้าฟันล่างหัก ทำนายว่าจะเสียญาติผู้ใหญ่ข้างมารดา

๕๓.) ฝันว่าจูบกับคนรัก จะได้รับเคราะห์เล็กๆน้อยๆจากคนใกล้ตัว

๕๔.) ห้ามฉลองก่อนวันเกิด เพราะอาจหมายถึงการรีบเร่งไปสู่ความตาย

๕๕.) ภายในบ้านไม่ควรมีประตู 3 บาน ตรงกันหรือเหลื่อมล้ำตรงกันเพียงนิดเดียว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของประตูจาก 3 โลก ทำให้วิญญาณเดินผ่านมาได้

๕๖.)คางคกขึ้นบ้านถือเป็นลางดี แสดงว่าบ้านนั้นกำลังจะมีโชค

๕๗.) มือซ้ายกระตุก เชื่อว่ามีลางร้ายมีเหตุจะต้องเสียเงินเสียทองมือขวากระตุกเชื่อว่าเป็นลางที่ดีมาก จะได้รับโชคลาภ และอาจได้ลาภลอยจาการเสี่ยงโชค

๕๘.) ถ้านกในกรงที่เลี้ยงไว้ร้องในเวลากลางคืนเชื่อว่าจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง

๕๙.) ผู้หญิงระหว่างมีประจำเดือน ไม่ควรก้าวล้ำไปในวัด เพราะอาจก่อให้เกิดความอัปมงคล

๖๐.) ความฝันในตอนเช้ามักเป็นความจริง เพราะคนโบราณเชื่อว่าเทวดามาโปรดสัตว์ซึ่งเคยเป็นญาติมิตรของเรานั่นเอง


ที่มา: นิทรรศน์รัตนโกสินทร์